โทรศัพท์

+123-456-7890

อีเมล์

[email protected]

เวลาเปิด

Mon - Fri: 7AM - 7PM

ทีมชาติอิตาลี ดวลจุดโทษเอาชนะ ทีมชาติสเปน ไป 4-2 หลังเสมอใน 120 นาที แบบสุดมัน ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลยูโร 2020 ได้สำเร็จ

          การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันอังคารที่ 6 ก.ค. 64 ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทีมชาติอิตาลี อันดับ 7 ของโลก พบกับ “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน อันดับ 6 ของโลก

          เกมนี้ อิตาลี มาในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย จานลุยจิ ดอนนารุมมา กองหลัง : โจวานนี ดิ ลอเรนโซ, เลโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์โจ คิเอลลินี, เอแมร์สัน ปัลมิเอรี, นิโคโล บาเรลลา, จอร์จินโญ, มาร์โก แวร์รัตติ, เฟเดริโก เคียซา, ชิโร อิมโมบิเล, ลอเรนโซ อินซินเญ
          ส่วน สเปนมาในระบบ 4-3-3 เช่นกัน ประกอบด้วย อูไน ซิมอน, เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา, เอริก การ์เซีย, อายเมอริก ลาปอร์กต์, จอร์ดี อัลบา, โกเก, เซร์คิโอ บุสเกตส์, เปดรี กอนซาเลซ, เฟร์รัน ตอร์เรส, มิเกล โอยาร์ซาบัล, ดานี โอลโม

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีมมีดังนี้

ทีมชาติอิตาลี : จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา (GK), โจวานนี ดิ ลอเรนโซ, เลโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์โจ คิเอลลินี, เอเมอร์สัน พัลเมรี, นิโคโล บาเรลลา, จอร์จินโญ, มาร์โก แวร์รัตติ, เฟเดริโก เคียซา, ลอเรนโซ อินซินเญ และ ชิโร อิมโมบิเล

ทีมชาติสเปน : อูไน ซิมอน (GK), ฆอร์ดี อัลบา, อายเมริค ลาปอร์กต์, เอริค การ์เซีย, เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา, เปดรี, เซร์คิโอ บุสเกตส์, โกเก, ดาเนียล โอลโม, เฟอร์รัน ตอร์เรส และ มิเกล โอยาร์ซาบาล

เปิดฉากครึ่งแรก นาทีที่ 4 อิตาลี ได้ทักทายก่อนจากจังหวะที่ เอเมอร์สัน เปิดบอลจากฝั่งซ้ายขึ้นหน้า นิโคโล บาเรลลา หลุดไปปั่นด้วยขวา บอลพุ่งชนเสาดังสนั่น แต่ก็ถูกจับล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

จากนั้นนาทีที่ 15 สเปนได้ลุ้นบ้าง เฟอร์รัน ตอร์เรส ตะบันด้วยขวาจากนอกกกรอบ บอลพุ่งเรียดหลุดเสาไป

นาทีที่ 26 สเปนเกือบขึ้นนำ เมื่อ ดาเนียล โอลโม ได้ยิงเน้นๆ ด้วยขวาในเขตโทษ ร้อนถึง จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา ต้องปัดทิ้งออกไป และถัดมา 7 นาที สเปนได้ลุ้นต่อเลย ดาเนียล โอลโม ตั้งป้อมซัดไกลด้วยขวา บอลพุ่งข้ามคาน

ถึงนาทีที่ 45 อิตาลีเกือบได้เฮ จากจังหวะที่ ลอเรนโซ อินซินเญ พาบอลกระชากเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนจ่ายต่อให้ เอเมอร์สัน ที่เติมขึ้นมาซัดทันที บอลชนคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

 

จบครึ่งแรก ทีมชาติอิตาลี ยังเสมอ ทีมชาติสเปน อยู่ 0-0

 

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 49 อิตาลีเปิดบอลยาวจากแดนหลังขึ้นมาให้ ชิโร อิมโมบิเล เบียดเอาชนะ อายเมริค ลาปอร์กต์ ก่อนได้โอกาสยิง บอลหลุดเสาสองออกไป

จากนั้นนาทีที่ 53 โอกาสของเสปน เมื่อ มิเกล โอยาร์ซาบาล พาบอลลากเข้าเขตโทษฝั่งขวาก่อนจ่ายย้อนมาให้ เซร์คิโอ บุสเกต์ ปั่นด้วยขวา บอลโค้งข้ามคานไปนิดเดียว

ถัดมานาทีเดียว อิตาลี ได้ลุ้นจากจังหวะที่ เฟเดริโก เคียซา ได้ซัดด้วยขวาในเขตโทษ แต่ อูไน ซิมอน เซฟเอาไว้ได้

นาทีที่ 60 อิตาลี ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เฟเดริโก เคียซา แต่งบอลเข้าเขตโทษก่อนบรรจงปั่นด้วยขวา บอลโค้งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

นาทีที่ 67 สเปนมีลุ้นเอาคืนจากจังหวะกดด้วยขวาของ ดาเนียล โอลโม บอลติดไซด์ก้อยหลุดเสาสองไปนิดเดียว และถัดมานาทีเดียว อิตาลีเกือบได้เม็ดสอง จาก โดเมนิโก เบราร์ดี แต่ อูไน ซิมอน ใช้ขาเซฟได้ยอดเยี่ยม

ถึงนาทีที่ 80 สเปน ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากจังหวะที่ ดาเนียล โอลโม จ่ายบอลทะลุเข้าเขตโทษให้ อัลบาโร โมราตา ที่ลงมาเป็นตัวสำรองยิงด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเฉียบขาด

นาทีที่ 89 สเปนได้ลุ้นแซงนำ เมื่อ ดาเนียล โอลโม เปิดลุกเตะมุมจากฝั่งขวาเข้ากรอบเขตโทษ เซร์คิโอ บุสเกตสื ขึ้นโหม่งเช็ดหลุดเสาสองไปนิดเดียว

จบ 90 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 1-1 ต้องมาลุ้นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 111 อิตาลี เกือบขึ้นนำ จากจังหวะที่ จอร์โจ คิเอลลินี จ่ายบอลทะลุขึ้นมาให้ โดเมนิโก บราร์ดี ยิงเข้าไปตุงตาข่าย แต่ถูกจับล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ครบ 120 นาที ทีมชาติอิตาลี ยังเสมอ ทีมชาติสเปน 1-1 ต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ

ผลปรากฏว่า ทีมชาติอิตาลี ยิงแม่นกว่าเอาชนะ ทีมชาติสเปน ไป 4-2 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปรอเจอกับผู้ชนะระหว่าง ทีมชาติอังกฤษ กับ ทีมชาติเดนมาร์ก ต่อไป

อิตาลี

โลคาเตลลี ยิงไม่เข้า

เบลอตติ ยิงเข้า

โบนุชชี ยิงเข้า

แบร์นาเดสคี ยิงเข้า

จอร์จินโญ ยิงเข้า

สเปน

โอลโม ยิงไม่เข้า

โมเรโน ยิงเข้า

ติอาโก ยิงเข้า

โมราตา ไม่เข้า

 

บทความแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *