ทีมชาติอิตาลี ดวลจุดโทษเอาชนะ ทีมชาติสเปน ไป 4-2 หลังเสมอใน 120 นาที แบบสุดมัน ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลยูโร 2020 ได้สำเร็จ
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันอังคารที่ 6 ก.ค. 64 ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทีมชาติอิตาลี อันดับ 7 ของโลก พบกับ “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน อันดับ 6 ของโลก
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีมมีดังนี้
ทีมชาติอิตาลี : จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา (GK), โจวานนี ดิ ลอเรนโซ, เลโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์โจ คิเอลลินี, เอเมอร์สัน พัลเมรี, นิโคโล บาเรลลา, จอร์จินโญ, มาร์โก แวร์รัตติ, เฟเดริโก เคียซา, ลอเรนโซ อินซินเญ และ ชิโร อิมโมบิเล
ทีมชาติสเปน : อูไน ซิมอน (GK), ฆอร์ดี อัลบา, อายเมริค ลาปอร์กต์, เอริค การ์เซีย, เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา, เปดรี, เซร์คิโอ บุสเกตส์, โกเก, ดาเนียล โอลโม, เฟอร์รัน ตอร์เรส และ มิเกล โอยาร์ซาบาล
เปิดฉากครึ่งแรก นาทีที่ 4 อิตาลี ได้ทักทายก่อนจากจังหวะที่ เอเมอร์สัน เปิดบอลจากฝั่งซ้ายขึ้นหน้า นิโคโล บาเรลลา หลุดไปปั่นด้วยขวา บอลพุ่งชนเสาดังสนั่น แต่ก็ถูกจับล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
จากนั้นนาทีที่ 15 สเปนได้ลุ้นบ้าง เฟอร์รัน ตอร์เรส ตะบันด้วยขวาจากนอกกกรอบ บอลพุ่งเรียดหลุดเสาไป
นาทีที่ 26 สเปนเกือบขึ้นนำ เมื่อ ดาเนียล โอลโม ได้ยิงเน้นๆ ด้วยขวาในเขตโทษ ร้อนถึง จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา ต้องปัดทิ้งออกไป และถัดมา 7 นาที สเปนได้ลุ้นต่อเลย ดาเนียล โอลโม ตั้งป้อมซัดไกลด้วยขวา บอลพุ่งข้ามคาน
ถึงนาทีที่ 45 อิตาลีเกือบได้เฮ จากจังหวะที่ ลอเรนโซ อินซินเญ พาบอลกระชากเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนจ่ายต่อให้ เอเมอร์สัน ที่เติมขึ้นมาซัดทันที บอลชนคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
จบครึ่งแรก ทีมชาติอิตาลี ยังเสมอ ทีมชาติสเปน อยู่ 0-0
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 49 อิตาลีเปิดบอลยาวจากแดนหลังขึ้นมาให้ ชิโร อิมโมบิเล เบียดเอาชนะ อายเมริค ลาปอร์กต์ ก่อนได้โอกาสยิง บอลหลุดเสาสองออกไป
ถัดมานาทีเดียว อิตาลี ได้ลุ้นจากจังหวะที่ เฟเดริโก เคียซา ได้ซัดด้วยขวาในเขตโทษ แต่ อูไน ซิมอน เซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 60 อิตาลี ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เฟเดริโก เคียซา แต่งบอลเข้าเขตโทษก่อนบรรจงปั่นด้วยขวา บอลโค้งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม
นาทีที่ 67 สเปนมีลุ้นเอาคืนจากจังหวะกดด้วยขวาของ ดาเนียล โอลโม บอลติดไซด์ก้อยหลุดเสาสองไปนิดเดียว และถัดมานาทีเดียว อิตาลีเกือบได้เม็ดสอง จาก โดเมนิโก เบราร์ดี แต่ อูไน ซิมอน ใช้ขาเซฟได้ยอดเยี่ยม
ถึงนาทีที่ 80 สเปน ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากจังหวะที่ ดาเนียล โอลโม จ่ายบอลทะลุเข้าเขตโทษให้ อัลบาโร โมราตา ที่ลงมาเป็นตัวสำรองยิงด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเฉียบขาด
นาทีที่ 89 สเปนได้ลุ้นแซงนำ เมื่อ ดาเนียล โอลโม เปิดลุกเตะมุมจากฝั่งขวาเข้ากรอบเขตโทษ เซร์คิโอ บุสเกตสื ขึ้นโหม่งเช็ดหลุดเสาสองไปนิดเดียว
จบ 90 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 1-1 ต้องมาลุ้นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 111 อิตาลี เกือบขึ้นนำ จากจังหวะที่ จอร์โจ คิเอลลินี จ่ายบอลทะลุขึ้นมาให้ โดเมนิโก บราร์ดี ยิงเข้าไปตุงตาข่าย แต่ถูกจับล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ครบ 120 นาที ทีมชาติอิตาลี ยังเสมอ ทีมชาติสเปน 1-1 ต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ
ผลปรากฏว่า ทีมชาติอิตาลี ยิงแม่นกว่าเอาชนะ ทีมชาติสเปน ไป 4-2 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปรอเจอกับผู้ชนะระหว่าง ทีมชาติอังกฤษ กับ ทีมชาติเดนมาร์ก ต่อไป
อิตาลี
โลคาเตลลี ยิงไม่เข้า
เบลอตติ ยิงเข้า
โบนุชชี ยิงเข้า
แบร์นาเดสคี ยิงเข้า
จอร์จินโญ ยิงเข้า
สเปน
โอลโม ยิงไม่เข้า
โมเรโน ยิงเข้า
ติอาโก ยิงเข้า
โมราตา ไม่เข้า